วันนั้นคืนวันที่ 16 มีนาคม 2554 เข้าสู่ฤดูร้อนแล้วแ่ต่วันนั้นอากาศหนาวมาก ฝนตกปรอย เข้าโรงพยาบาลพรเจริญคืนวันที่ 16 มีนาคม เข้าโรงพยาบาลศรีนครินทร์คืนวันที่ 17 มีนาคม ได้รับการช่วยเหลือและเอ็กซเรย์สมอง แต่สิ่งที่จะเป็นไปได้คือปาฏิหาริย์เท่านั้น แพทย์ระบุสาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมอง ในที่สุดลูกๆ ตัดสินใจพาแม่พินกลับบ้าน ที่ ต.ตาคง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ตามที่แม่พินเคยสั่งไว้ ฟังพระเทศน์ที่บ้านร่วมกับญาติพี่น้องที่มาคอยต้อนรับ หัวใจของแม่พินค่อยๆ เต้นเบาลงๆ และจากไปอย่างสงบ เวลา 19.10 น.วันที่ 19 มีนาคม 2554
โรคเรื้อรัง
แม่พิน จันทสุข ปัญหาและโอกาสพัฒนารุ่นลูกหลาน
วันนั้นคืนวันที่
16 มีนาคม 2554 เข้าสู่ฤดูร้อนแล้วแต่วันนั้นอากาศหนาวมาก
ฝนตกปรอย แม่พินบ่นว่าอากาศหนาวและปวดหัว ต่อมามีอาการอาเจียน วัดความดันโลหิตสูง
ให้กินยาลดความดันแต่ก็อาเจียนเรื่อยๆ กินอะไรไม่ได้
ลูกจึงล้างไตทางช่องท้องเนื่องจากใกล้ถึงเวลา
ล้างไต(ต้องล้างประจำวันละ 4 รอบ) และหวังดึงน้ำออกจากร่างกาย แม่พินพูดด้วยอาการปวดหัวซ้ำๆว่า "ลูก...แม่ปวดหัวๆ" (โกนเวยแมชือกะบาลร์เดๆ)และบอกอ่อนเพลียไม่มีแรง ให้กินน้ำตาลเกลือแร่แต่ก็อาเจียน มือแม่เริ่มเกร็งและไม่ปกติจึงพาส่งเข้าโรงพยาบาลพรเจริญ ที่ห้องฉุกเฉิน เวลา 24.00 น. อาการขณะนั้นคือความดันโลหิตสูง หมดสติ บางครั้งมีอาการมือเกร็ง ทางโรงพยาบาลให้กินยาลดความดัน แต่กินไม่ได้ ไม่มีสติ แต่ยังนอนหายใจอยู่ ให้ออกซิเจนช่วยหายใจ ส่งเข้าไปสังเกตอาการที่ตึกผู้ป่วยใน ให้ยาลดความดันทางเส้นเลือด และเจาะเลือดไปตรวจ ช่วงกลางคืนอาการยังเหมือนเดิม คือนอนนิ่ง เรียกและปลุกดู แต่ไม่ตื่นไม่ได้สติ บางครั้งรู้สึกพยายามยกมือด้านขวาแต่มือเกร็ง บางครั้งอ้าปากแต่ปากเบี้ยว กัดฟันตัวเอง ลูกที่เฝ้าอยู่ก็พยายามจับมือแม่และถามแม่อยู่เรื่อยๆว่าแม่เป็นอะไร ทุกครั้งไม่มีเสียงตอบ มีแต่มือด้านขวาเกร็ง บางครั้งอ้าปากแต่ปากเบี้ยว กัดฟันตัวเอง แพทย์และพยาบาลที่มาดูแจ้งว่าให้ยาลดความดัน ยาขับปัสสาวะ เพิ่มโซเดียมให้ ตอนเช้าแม่พินยังนอนนิ่ง ยังหายใจอยู่ ลูกที่เฝ้าอยู่คิดว่าแม่คงนอนหลับพักผ่อนอยู่ ไม่รู้และไม่ได้รับคำแนะนำถึงอันตรายที่กำลังเกิดอยู่หากไม่รีบส่งต่อ จนถึงช่วงค่ำลูกที่อยู่ทางจังหวัดสุรินทร์มาถึงจึงได้พากันนำส่งแม่เข้าโรงพยาบาลศรีนครินทร์คืนวันที่ 17 มีนาคม ได้รับการช่วยเหลือและเอ็กซเรย์สมอง แต่สิ่งที่จะเป็นไปได้คือปาฏิหาริย์เท่านั้น แพทย์ระบุสาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมอง แตกและมีเลือดคั่งในสมอง ส่วนหนึ่งมาโรงพยาบาลใหญ่ช้าเกินไป เหตุการณ์หลายๆอย่างมาลงเอยในวันนี้หมด ในที่สุดลูกๆ ตัดสินใจพาแม่พินกลับบ้าน ที่ ต.ตาคง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ตามที่แม่พินเคยสั่งไว้ ฟังพระเทศน์ที่บ้านร่วมกับญาติพี่น้องที่มาคอยต้อนรับ หัวใจของแม่พินค่อยๆ เต้นเบาลงๆ และจากไปอย่างสงบ เวลา 19.10 น.วันที่ 19 มีนาคม 2554
ล้างไต(ต้องล้างประจำวันละ 4 รอบ) และหวังดึงน้ำออกจากร่างกาย แม่พินพูดด้วยอาการปวดหัวซ้ำๆว่า "ลูก...แม่ปวดหัวๆ" (โกนเวยแมชือกะบาลร์เดๆ)และบอกอ่อนเพลียไม่มีแรง ให้กินน้ำตาลเกลือแร่แต่ก็อาเจียน มือแม่เริ่มเกร็งและไม่ปกติจึงพาส่งเข้าโรงพยาบาลพรเจริญ ที่ห้องฉุกเฉิน เวลา 24.00 น. อาการขณะนั้นคือความดันโลหิตสูง หมดสติ บางครั้งมีอาการมือเกร็ง ทางโรงพยาบาลให้กินยาลดความดัน แต่กินไม่ได้ ไม่มีสติ แต่ยังนอนหายใจอยู่ ให้ออกซิเจนช่วยหายใจ ส่งเข้าไปสังเกตอาการที่ตึกผู้ป่วยใน ให้ยาลดความดันทางเส้นเลือด และเจาะเลือดไปตรวจ ช่วงกลางคืนอาการยังเหมือนเดิม คือนอนนิ่ง เรียกและปลุกดู แต่ไม่ตื่นไม่ได้สติ บางครั้งรู้สึกพยายามยกมือด้านขวาแต่มือเกร็ง บางครั้งอ้าปากแต่ปากเบี้ยว กัดฟันตัวเอง ลูกที่เฝ้าอยู่ก็พยายามจับมือแม่และถามแม่อยู่เรื่อยๆว่าแม่เป็นอะไร ทุกครั้งไม่มีเสียงตอบ มีแต่มือด้านขวาเกร็ง บางครั้งอ้าปากแต่ปากเบี้ยว กัดฟันตัวเอง แพทย์และพยาบาลที่มาดูแจ้งว่าให้ยาลดความดัน ยาขับปัสสาวะ เพิ่มโซเดียมให้ ตอนเช้าแม่พินยังนอนนิ่ง ยังหายใจอยู่ ลูกที่เฝ้าอยู่คิดว่าแม่คงนอนหลับพักผ่อนอยู่ ไม่รู้และไม่ได้รับคำแนะนำถึงอันตรายที่กำลังเกิดอยู่หากไม่รีบส่งต่อ จนถึงช่วงค่ำลูกที่อยู่ทางจังหวัดสุรินทร์มาถึงจึงได้พากันนำส่งแม่เข้าโรงพยาบาลศรีนครินทร์คืนวันที่ 17 มีนาคม ได้รับการช่วยเหลือและเอ็กซเรย์สมอง แต่สิ่งที่จะเป็นไปได้คือปาฏิหาริย์เท่านั้น แพทย์ระบุสาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมอง แตกและมีเลือดคั่งในสมอง ส่วนหนึ่งมาโรงพยาบาลใหญ่ช้าเกินไป เหตุการณ์หลายๆอย่างมาลงเอยในวันนี้หมด ในที่สุดลูกๆ ตัดสินใจพาแม่พินกลับบ้าน ที่ ต.ตาคง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ตามที่แม่พินเคยสั่งไว้ ฟังพระเทศน์ที่บ้านร่วมกับญาติพี่น้องที่มาคอยต้อนรับ หัวใจของแม่พินค่อยๆ เต้นเบาลงๆ และจากไปอย่างสงบ เวลา 19.10 น.วันที่ 19 มีนาคม 2554
รวมอายุแม่พินได้ 70 ปี โรคเรื้อรังที่แม่พินเป็นและต้องกินยาประจำก่อนถึงวันเสียชีวิต
ได้แก่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยต้องล้างไตทางช่องท้องเป็นประจำวันละ 4
รอบ เป็นคนไข้ประจำคลินิกหน่วยไตของโรงพยาบาลศรีนครินทร์
โดยมีโรคอื่นๆ ร่วมด้วย ต้องกินยาประจำได้แก่โรคเกี่ยวกับหัวใจเรื้อรัง
โรคความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะอาหาร
ในช่วงปีใหม่ มกราคม2554
หลังจากล้างไตทางช่องท้องได้ 1 ปี 3
เดือน แม่พินมีอาการหนักอีกครั้ง คลื่นไส้ อาเจียน นอนไม่ได้ อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก
มีอาการของโรคหัวใจร่วมด้วย ลูกทาง อ.พรเจริญ
จ.หนองคายได้ไปรับแม่ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์
ได้ยาควบคุมการเต้นของหัวใจและยาละลายลิ่มเลือดมา
เพิ่มขึ้นจากยาโรคไตและโรคกระเพาะที่กินประจำ แพทย์แนะนำว่าควรกินยาละลายลิ่มเลือด
ป้องกันอันตรายจากลิ่มเลือดไปอุดตันที่สมอง ออกจากโรงพยาบาลจึงพาแม่มาอยู่ที่
อ.พรเจริญ จ.หนองคาย หลังจากกลับจากโรงพยาบาลได้ประมาณ 2 สัปดาห์
แม่พินมีอาการหายใจหอบ นอนไม่ได้ ลองให้กินยาขับปัสสาวะ ปรากฏว่านอนได้บ้าง
วันหนึ่งวันอาทิตย์ตอนกลางวัน แม่พินหายใจหอบมากนอนไม่ได้
พาเข้าโรงพยาบาลแพทย์ฉีดยาขับปัสสาวะให้ทางเส้นเลือดจึงนอนได้
และนอนให้ยาขับปัสสาวะ ได้ยาขับปัสสาวะมาให้กินที่บ้าน หลังจากนั้นอาการแม่พินก็ปกติ กินได้นอนได้
แต่กินอาหารประเภทโปรตีนไม่ค่อยได้ โปรตีนส่วนใหญ่จะเป็นปลาแห้ง และโปรตีนผง
(ก่อนล้างไตกินอาหารมังสวิรัติมา 20 กว่าปี)
แต่ความดันโลหิตเริ่มสูงขึ้นกว่าเก่า แพทย์ให้กินยาความดันโลหิตเพิ่ม อาการแม่ปกติ
เหลือเวลาอีกแค่ 5 วัน
ที่แม่จะได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ตามนัด และแม่ก็จะได้กลับบ้านที่
จ.สุรินทร์ ซึ่งแม่พินกับพ่อทุมได้เก็บข้าวของไว้หมดแล้ว
ได้แต่นั่งนับวันที่จะได้กลับบ้าน หลังจากมาอยู่กับลูกที่
จ.หนองคายได้เกือบสามเดือน แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็มาถึง
วันที่แม่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ วันนั้นฤดูร้อนแล้วแต่อากาศหนาวมาก ฝนตกปรอย
ท้องฟ้ามืดครึ้ม มาวันนี้อากาศท้องฟ้าแจ่มใส
เหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมาเหมือนฝันไป...วันนี้ไม่มีแล้วแม่พิน
มาถึงวันนี้แม้แม่พินจะจากไปหลายปีแล้ว
ลูกยังจดจำเหตุการณ์และระลึกถึงแม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะวันไหนที่ได้ทำบุญ
ก็จะระลึกถึงแม่ตลอดไป ขอบคุณชะตา
ที่ให้โอกาสได้ดูแลแม่จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต...